Читать онлайн книгу "กลายร่าง"

กลายร่าง
มอร์แกน ไรซ์


บันทึกของแวมไพร์ #1
กลายร่าง (เล่ม 1 ในนิยายชุด บันทึกของแวมไพร์) กลายร่าง คือหนังสือที่จะมาเป็นคู่แข่ง TWILIGHT และ VAMPIRE DIARIES เป็นเรื่องที่จะทำให้คุณอยากอ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย! ถ้าคุณชอบเรื่องราวการผจญภัย ความรักและแวมไพร์ หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคุณ! Vampirebooksite. com ขายดีที่สุดอันดับ 1! กลายร่าง คือหนังสือเล่ม 1 ในนิยายชุด บันทึกของแวมไพร์ ที่ขายดีที่สุดอันดับ 1 โดยมีทั้งหมด 11 เล่ม (และยังคงมีต่อ) กลายร่าง (เล่ม 1 ในนิยายชุด บันทึกของแวมไพร์) เป็นเรื่องราวของ เคทลิน เพน อายุ 18 ปี ชีวิตที่แสนสุขของเ�อถูกทำลายลง เมื่อแม่ของเ�อต้องย้ายบ้านอีกครั้ง เ�อถูกบังคับให้เข้าโรงเรียนมั�ยมในนิวยอร์กที่อันตราย แสงสว่างเดียวท่ามกลางสภาพแวดล้อมใหม่ของเ�อคือโจนาห์ เพื่อนร่วมชั้นที่รู้สึกชอบเ�อตั้งแต่เจอหน้ากันก่อนที่เรื่องราวความรักของพวกเขาจะเบ่งบาน เคทลินค้นพบว่าร่างกายของเ�อกำลังเปลี่ยนไป เ�อถูกครอบงำด้วยพลังเหนือมนุษย์ อ่อนไหวต่อแสงแดด ความรู้สึกหิวโหยกำลังทวีความรุนแรง เ�อต้องค้นหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเ�อ และความกระหายนี้นำเ�อไปสู่การอยู่ผิดที่ผิดเวลา เ�อได้เจอกับอีกโลกที่ซ่อนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเ�อ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องล่างของมหานครนิวยอร์กอันรุ่งเรือง เ�อได้เข้าไปพัวพันกับเผ่าพัน�ุ์สองกลุ่มที่อันตราย ท่ามกลางสงครามของแวมไพร์ช่วงเวลานี้เองที่เคทลินได้พบกับคาเลป แวมไพร์ผู้ลึกลับและทรงพลัง เขาช่วยเ�อให้พ้นจากพลังแห่งความมืด เขาต้องการให้เ�อนำทางไปสู่การค้นหาสิ่งประดิษฐ์โบราณที่หายสาบสูญ เ�อต้องการคำตอบและการคุ้มครองจากเขา ทั้งคู่ต้องร่วมกันค้นหาคำตอบที่สำคัญ ใครคือพ่อที่แท้จริงของเ�อ? แต่เคทลินพบว่าตัวเ�อตกอยู่ระหว่างผู้ชายสองคน บนทางที่ไม่อาจเลือกได้ และบางอย่างกำลังเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา มันคือความรักต้องห้าม ความรักต่างเผ่าพัน�ุ์ที่จะทำให้ทั้งคู่ต้องมีภัยอันตราย สถานการณ์จะบังคับให้พวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะเสี่ยงไปด้วยกันหรือไม่.. กลายร่าง เป็นเรื่องราวที่เหมาะสำหรับนักอ่านรุ่นเยาว์ มอร์แกน ไรซ์ ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมในการเพิ่มความน่าสนใจให้แตกต่างจากนิยายแวมไพร์ทั่วไป เนื้อเรื่องแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร กลายร่าง มีองค์ประกอบคลาสสิคที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น นิยายชุด บันทึกของแวมไพร์ เล่ม 1 จะเน้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง.. เรียกได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่�รรมดา! .. การดำเนินเรื่องของ กลายร่าง เป็นไปอย่างกระชับและน่าติดตาม.. แนะนำสำหรับผู้ที่ชอบอ่านนิยายแนวเหนือ�รรมชาติ โรแมนติค และเป็นเรทที่เหมาะกับทุกช่วงอายุ The Romance Reviews กลายร่าง ดึงดูดความสนใจของฉันตั้งแต่แรกและทำให้ฉันไม่อยากละสายตาเลยจริง ๆ.. เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและมีฉากต่อสู้ตั้งแต่ช่วงแรก มอร์แกน ไรซ์ ทำผลงานออกได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถพาผู้อ่านเข้าไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ ทำให้ตัวละครเคทลินมีความโดดเด่น และนำเสนอความสิ้นหวังที่จะส่งผลให้เ�อประสบความสำเร็จในการค้นหาความจริงได้อย่างดีเยี่ยม.. ฉันกำลังรออ่านเล่มที่สองอยู่ Paranormal Romance Guild







กลายร่าง



(เล่นที่ 1 ในนิยายชุด บันทึกของแวมไพร์)



มอร์แกน ไรซ์


คำนิยมสำหรับ กลายร่าง



“กลายร่าง เป็นเรื่องราวที่เหมาะสำหรับนักอ่านรุ่นเยาว์ มอร์แกน ไรซ์ ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมในการเพิ่มความน่าสนใจให้แตกต่างจากนิยายแวมไพร์ทั่วไป เนื้อเรื่องแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร กลายร่าง มีองค์ประกอบคลาสสิคที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันของวัยรุ่น นิยายชุด บันทึกของแวมไพร์ เล่ม 1 จะเน้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง...เรียกได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่�รรมดา!...การดำเนินเรื่องของ กลายร่าง เป็นไปอย่างกระชับและน่าติดตาม...แนะนำสำหรับผู้ที่ชอบอ่านนิยายแนวเหนือ�รรมชาติ โรแมนติค และเป็นเรทที่เหมาะกับทุกช่วงอายุ”

--The Romance Reviews



“กลายร่าง ดึงดูดความสนใจของฉันตั้งแต่แรกและทำให้ฉันไม่อยากละสายตาเลยจริง ๆ...เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและมีฉากต่อสู้ตั้งแต่ช่วงแรก มอร์แกน ไรซ์ ทำผลงานออกได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถพาผู้อ่านเข้าไปสู่เรื่องราวต่าง ๆ ทำให้ตัวละครเคทลินมีความโดดเด่น และนำเสนอความสิ้นหวังที่จะส่งผลให้เ�อประสบความสำเร็จในการค้นหาความจริงได้อย่างดีเยี่ยม...ฉันกำลังรออ่านเล่มที่สองอยู่”

--Paranormal Romance Guild



“กลายร่าง เป็นเรื่องที่อ่านแล้วจรรโลงใจ เข้าใจง่าย และสะท้อนถึงด้านมืด เรื่องราวสั้น ๆ นี้ทำให้คุณสามารถอ่านได้พร้อมกับหนังสือเล่มอื่น ๆ...คุณจะได้รับความสนุกสนานแน่นอน!”

--books-forlife.blogspot.com



“กลายร่าง คือหนังสือที่จะมาเป็นคู่แข่ง TWILIGHT และ VAMPIRE DIARIES เป็นเรื่องที่จะทำให้คุณอยากอ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย! ถ้าคุณชอบเรื่องราวการผจญภัย ความรักและแวมไพร์ หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคุณ!”

--Vampirebooksite.com



“ไรซ์ ทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถดึงผู้อ่านเข้าไปสู่เนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ตอนต้น การใช้บทที่มีคุณภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด...พร้อมการเรียบเรียงที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็ว กลายร่าง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของนิยายแวมไพร์เรื่องใหม่ สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านที่กำลังมองหาเนื้อเรื่องเบา ๆ แต่ยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน”

--Black Lagoon Reviews


เกี่ยวกับ มอร์แกน ไรซ์



มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE VAMPIRE JOURNALS นิยายชุดสำหรับวัยรุ่น จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป), นิยายชุดขายดีอันดับ 1เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY นิยายระทึกขวัญ จำนวน 2 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดมหากาพย์แฟนตาซีขายดีอันดับ 1 วงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป)

หนังสือของมอร์แกน มีทั้งรูปแบบหนังสือเสียงและเป็นรูปเล่ม และแปลเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปน โปรตุเกส ญี่ปุ่น จีน สวีเดน ดัตช์ ฮังกาเรียน เช็ค และสโลวัก (และภาษาอื่น ๆ ที่จะตามมา)

TURNED (เล่ม1ในชุด the Vampire Journals), ARENA ONE (เล่ม 1 ในชุด the Survival Trilogy) และ เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (https://play.google.com/store/books/details/Morgan_Rice_A_Quest_of_Heroes_Book_1_in_the_Sorcer?id=0gaU60LcnYMC) (เล่ม 1ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ) มีให้ดาวน์โหลดฟรีแล้วใน Google Play

มอร์แกนอยากฟังความคิดเห็นจากพวกคุณ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือ และของรางวัลมากมาย และสามารถดาวน์โหลดแอพฟรี พร้อมทั้งรับทราบข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อผ่านเฟซบุคและทวีตเตอร์ โปรดติดตาม!


หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์



วงแหวนของผู้วิเศษ

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)

ขบวนแห่งกษัตริย์ (เล่ม 2)

A FATE OF DRAGONS (เล่ม 3)

A CRY OF HONOR (เล่ม 4)

A VOW OF GLORY (เล่ม 5)

A CHARGE OF VALOR (เล่ม 6)

A RITE OF SWORDS (เล่ม 7)

A GRANT OF ARMS (เล่ม 8)

A SKY OF SPELLS (เล่ม 9)

A SEA OF SHIELDS (เล่ม 10)

A REIGN OF STEEL (เล่ม 11)

A LAND OF FIRE (เล่ม 12)

A RULE OF QUEENS (เล่ม 13)

AN OATH OF BROTHERS (เล่ม 14)



THE SURVIVAL TRILOGY

ARENA ONE: SLAVERSUNNERS (เล่ม 1)

ARENA TWO (เล่ม 2)



บันทึกของแวมไพร์

กลายร่าง (เล่ม 1)

ความรัก (เล่ม 2)

การทรยศ (เล่ม 3)

พรหมลิขิต (เล่ม 4)

ความปรารถนา (เล่ม 5)

การหมั้นหมาย (เล่ม 6)

คำสาบาน (เล่ม 7)

การค้นหา (เล่ม 8)

ฟื้นคืนชีพ (เล่ม 9)

การโหยหา (เล่ม 10)

โชคชะตา (เล่ม 11)















ฟัง นิยายชุด บันทึกของแวมไพร์ ในรูปแบบหนังสือเสียง!


ลิขสิท�ิ์ © 2011 โดย มอร์แกน ไรซ์



สงวนลิขสิท�ิ์ทั้งหมด ยกเว้นได้รับอนุญาตภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิท�ิ์ ค.ศ. 1976 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ห้ามนำส่วนใดของการตีพิมพ์นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายและเผยแพร่ในรูปแบบใด ๆ หรือโดยการกระทำใด ๆ หรือจัดเก็บในฐานข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้แต่ง



หนังสืออีบุคนี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และอีบุคเล่มนี้ไม่อนุญาตให้นำไปจำหน่ายต่อหรือยกให้กับบุคคลอื่น ถ้าคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับบุคคลอื่น โปรดสั่งซื้อหนังสือเพิ่มเติมสำหรับแต่ละคน ถ้าคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ โปรดส่งคืนและดำเนินการสั่งซื้อในนามของคุณเอง ขอบคุณที่ให้ความเคารพกับผลงานที่ผู้แต่งได้ทุ่มเท



หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องแต่ง ชื่อ ตัวละคร �ุรกิจ องค์กร สถานที่ เหตุการณ์ และสถานการณ์ต่าง ๆ ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง หรือได้รับการแต่งขึ้นมา ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุบังเอิญทั้งสิ้น



Jacket Image В©iStock.com/Bliznetsov


“มันเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพหรือ

จึงมาเดินออกกำลังทอดอารมณ์ และสูดอากาศ

ยามเช้าอันอับชื้น? ให้สงสัยว่าบรูตัสคงจะป่วย

นี่เขาจะแอบลุกจากเตียงแสนสบาย

เพื่อเสี่ยงกับมวลโรคร้ายมหาภัยยามราตรีหรือ?

--วิลเลียม เชกสเปียร์, จูเลียส ซีซาร์


аёЄаёІаёЈаёљаё±аёЌ



аёљаё—аё—аёµа№€аё«аё™аё¶а№€аё‡ (#uec010d77-ee68-5898-879c-e683f2060e56)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаё­аё‡ (#u3448eacd-3e7e-574e-9812-3785548e8598)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёІаёЎ (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёµа№€ (#litres_trial_promo)

บทที่ห้า (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аё«аёЃ (#litres_trial_promo)

บทที่เจ็ด (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€а№Ѓаё›аё” (#litres_trial_promo)

บทที่เก้า (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёґаёљ (#litres_trial_promo)

บทที่สิบเอ็ด (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёґаёљаёЄаё­аё‡ (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёґаёљаёЄаёІаёЎ (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёґаёљаёЄаёµа№€ (#litres_trial_promo)

บทที่สิบห้า (#litres_trial_promo)

аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаёґаёљаё«аёЃ (#litres_trial_promo)

บทที่สิบเจ็ด (#litres_trial_promo)




аёљаё—аё—аёµа№€аё«аё™аё¶а№€аё‡


เคทลิน เพน มักวิตกกับวันแรกของการไปโรงเรียนใหม่ ซึ่งมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น การพบเพื่อนใหม่ ครูคนใหม่ การเรียนรู้เส้นทางเดินใหม่ และยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การได้ล็อกเกอร์ใหม่ กลิ่นอายของสถานที่ใหม่ เสียงรอบข้างที่เกิดขี้น เหนือสิ่งอื่นใด เ�อกลัวการจ้องมอง เ�อรู้สึกว่าทุกคนในสถานที่แห่งใหม่มักจะมองมาที่เ�อตลอดเวลา ทั้งหมดที่เ�อต้องการคือการอยู่แบบไม่มีตัวตน แต่ดูเหมือนมันจะไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลย

เคทลินไม่เข้าใจว่าทำไมเ�อจึงเป็นที่สะดุดตา เ�อสูง 5 ฟุต 5 นิ้ว ซึ่งไม่ได้สูงมากนัก เ�อมีผมสีน้ำตาลและดวงตาสีน้ำตาล (และน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ) เ�อรู้สึกว่าเ�อเป็นแค่เด็กทั่วไป เคทลินไม่ได้สวยเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่น เ�ออายุ 18 ปี แม้ว่าจะดูแก่กว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เ�อดูโดดเด่น

มันยังมีบางอย่างนอกเหนือจากนั้น บางอย่างเกี่ยวกับตัวเ�อที่ทำให้ผู้อื่นต้องหันมามองเ�อถึงสองครั้ง ลึก ๆ แล้วเ�อรู้ว่าเ�อแตกต่างจากผู้อื่น แต่เ�อก็ไม่แน่ใจนักว่าคืออะไร

หากจะมีสิ่งที่เลวร้ายกว่าการไปโรงเรียนวันแรก มันคือการเข้าเรียนที่ใหม่ในช่วงกลางเทอม หลังจากที่คนอื่น ๆ ได้ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นวันแรกของการไปโรงเรียนใหม่ในกลางเดือนมีนาคม ซึ่งกำลังจะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด เ�อเหมือนจะรับรู้ได้

ในจินตนาการอันล้ำลึกของเ�อ แม้ว่าเ�อไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเลวร้ายเช่นนี้ เ�อเจอสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ไม่มีอะไรที่เ�อไม่เคยเห็น เ�อเตรียมตัวรับมือสำหรับสิ่งนี้แล้ว

เคทลินยืนอยู่นอกรั้วโรงเรียนใหม่ของเ�อ โรงเรียนรัฐบาลขนาดใหญ่ในเมืองนิวยอร์ก ท่ามกลางบรรยากาศตอนเช้าอันหนาวเหน็บของเดือนมีนาคม และสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นฉัน? เ�อแต่งตัวมาอย่างเรียบง่าย ใส่เพียงแค่เสื้อกันหนาวกับกางเกงเลกกิ้ง และไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับเสียงดังวุ่นวายที่กำลังรอเ�ออยู่เบื้องหน้า เด็กหลายร้อยคนยืนอยู่ที่นั่น กำลังส่งเสียงดัง ตะโกน และผลักกันไปมา มองดูเหมือนลานกิจกรรมในเรือนจำไม่มีผิด

ที่นี่เต็มไปด้วยความโกลาหล เด็กเหล่านี้หัวเราะและด่าทอกันเสียงดังมากเกินไป พวกเขาผลักกันอย่างรุนแรง เ�อเกือบจะคิดว่ามันคือการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ ถ้าเ�อไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มและการหัวเราะหยอกล้อ เด็กพวกนี้มีพลังเยอะเกินเหตุ และเ�อรู้สึกเหนื่อยล้า หนาวเหน็บ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เข้าใจว่ามันมาจากไหน เ�อหลับตาลงและหวังว่าความวุ่นวายทั้งหมดนี้จะหายไป

เ�อล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อและสัมผัสกับบางอย่าง ใช่แล้ว ไอพอดของเ�อนั่นเอง เ�อเสียบหูฟังและเปิดเพลง เ�อต้องการที่จะกลบเสียงทั้งหมดนี้

แต่เ�อไม่ได้ยินอะไรเลย เ�อก้มลงมองและเห็นว่าแบตเตอรี่หมด เยี่ยมไปเลย

เ�อเช็คโทรศัพท์ หวังว่าจะพบกับสิ่งที่ทำให้เ�อหายฟุ้งซ่าน แต่ก็ว่างเปล่า ไม่มีข้อความใหม่เลย

เ�อเงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองไปยังกลุ่มเด็กหน้าใหม่ เ�อรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ใช่เพราะเ�อเป็นเด็กผู้หญิงผิวขาวเพียงคนเดียว อันที่จริงเ�อก็หวังให้เป็นเช่นนั้น เพื่อนสนิทบางคนของเ�อที่โรงเรียนเก่าเป็นคนผิวสี คนสเปน เอเชีย อินเดีย และเพื่อนหวังดีประสงค์ร้ายที่สุดเป็นคนผิวขาว ดังนั้นเรื่องสีผิวที่แตกต่างจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเ�อ แต่เ�อรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะการอยู่ในเมืองใหญ่เช่นนี้ เ�อยืนอยู่บนพื้นคอนกรีต เสียงกริ่งดังขึ้น ถึงเวลาที่เ�อจะต้องเข้าสู่ “พื้นที่สันทนาการ” แห่งนี้ เ�อก้าวผ่านประตูเหล็กขนาดใหญ่ ตอนนี้เ�ออยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบด้วยรั้วเหล็กขนาดใหญ่ ด้านบนขึงด้วยลวดหนาม เ�อรู้สึกไม่ต่างกับนักโทษที่เดินเข้าสู่เรือนจำ

เ�อมองไปที่โรงเรียนขนาดใหญ่ เหล็กดัดและลูกกรงที่ติดอยู่กับหน้าต่างทุกบาน ไม่ได้ทำให้เ�อรู้สึกดีขึ้นเลย เ�อสามารถปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้อย่างง่ายดายเสมอ ทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่ทั้งหมดตั้งอยู่นอกเมือง โรงเรียนเหล่านั้นมีสนามหญ้า ต้นไม้ และท้องฟ้า แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเมืองใหญ่อันวุ่นวาย เ�อรู้สึกเหมือนเ�อหายใจไม่ออก มันทำให้เ�อหวาดกลัว

เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง เ�อเดินหลบหลีกไปตามทางที่เต็มไปด้วยเด็กจำนวนหลายร้อยคน เมื่อเกือบถึงหน้าประตู เ�อชนกับเด็กผู้หญิงตัวโตคนหนึ่งและทำสมุดบันทึกของเ�อหล่น เ�อหยิบมันขึ้นมา (ผมของเ�อดูยุ่งเหยิง) และเงยหน้ามองดูว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะขอโทษเ�อหรือไม่ แต่ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นเพราะเ�อเดินหายเข้าไปในฝูงชนเรียบร้อยแล้ว เคทลินได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเสียงนั้นตรงมาที่เ�อ

เ�อถือสมุดบันทึกของเ�อไว้แน่น มันเป็นสิ่งที่มีความหมายกับเ�อ เ�อจะนำสมุดบันทึกเล่มนี้ไปกับเ�อทุกที่ เพื่อบันทึกเรื่องราวและวาดภาพทุกสถานที่ที่เ�อไป มันคือแผนที่ชีวิตในวัยเด็กของเ�อ

ในที่สุดก็มาถึงทางเข้า เ�อต้องแทรกตัวเพื่อเดินผ่านเข้าไป บรรยากาศช่างเหมือนกับการเข้าสู่รถไฟในชั่วโมงเร่งด่วน เ�อหวังว่าการเข้าไปด้านในจะทำให้เ�ออบอุ่นขึ้น แต่ลมที่พัดมาจากประตูด้านหลัง ทำให้เ�อรู้สึกหนาวเข้าไปอีก

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่สองคนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า ขนาบข้างด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กสองนายในชุดแต่งกายเต็มยศ พร้อมปืนขนาบข้าง

“เดินเข้าไป!” หนึ่งในพวกเขาสั่งการ

เ�อไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุ�ต้องมายืนคุมที่ประตูทางเข้าโรงเรียนมั�ยมปลาย ความรู้สึกวิตกกังวลของเ�อเริ่มก่อตัวขึ้น มันแย่เข้าไปอีกเมื่อเ�อมองขึ้นไปและเห็นว่าเ�อต้องเดินผ่านเครื่องตรวจโลหะที่มีลักษณะเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุ�อีกสี่คนยืนอยู่คนละฝั่งของเครื่องตรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคน

“เอาของในกระเป๋าออกมาให้หมด!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะโกนบอก

เคทลินสังเกตเห็นว่าเด็กคนอื่น ๆ นำของออกจากกระเป๋าแล้วใส่ลงไปในกล่องพลาสติกเล็ก ๆ เ�อทำเช่นเดียวกันอย่างรวดเร็ว เ�อใส่ไอพอด กระเป๋าสตางค์ และกุญแจของเ�อลงไปในนั้น

เ�อแทรกตัวผ่านเครื่องตรวจ และเสียงเตือนก็ดังขึ้น

“เ�อ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะคอกออกมา “ออกไปด้านข้าง!”

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด

เด็กทุกคนจ้องมาที่เ�อซึ่งถูกบังคับให้ยกแขนขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใช้เครื่องค้นหาโลหะไล่ขึ้นลงไปตามร่างกายของเ�อ

“เ�อใส่เครื่องประดับรึเปล่า”

เ�อสำรวจข้อมือและคอของเ�อ แล้วเ�อก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไม้กางเขนของเ�อ

“ถอดมันออกมา” เจ้าหน้าที่ตะคอกใส่

มันคือสร้อยคอของคุณย่าที่ให้เ�อไว้ก่อนจะจากไป ไม้กางเขนเงินขนาดเล็ก สลักด้วยคำในภาษาลาติน ซึ่งเ�อไม่เคยแปลมัน คุณย่าของเ�อบอกว่าไม้กางเขนนี้ถูกส่งต่อกันมาจากคุณย่าของเ�ออีกที เคทลินไม่ได้เคร่งศาสนาและเ�อไม่เข้าใจนักว่าทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เ�อรู้แค่ว่ามันมีอายุหลายร้อยปี และถือว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเ�อ

เคทลินนำสร้อยคอออกมาจากเสื้อของเ�อ ชูไว้ในมือ แต่ไม่ได้ถอดออก

“ฉันขอไม่ถอดสร้อยออก” เ�อตอบ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมาที่เ�อ สายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

ทันใดนั้น ความสับสนวุ่นวายก็เกิดขึ้น มีเสียงตะโกนจากตำรวจซึ่งกำลังจับเด็กคนหนึ่งร่างผอมสูงและผลักเขาเข้าหากำแพง เพื่อปลดมีดขนาดเล็กจากกระเป๋าของเขา

เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปช่วยเหลือ เคทลินจึงใช้โอกาสนี้แอบเข้าไปอยู่ในฝูงชนซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปยังห้องโถง

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงเรียนรัฐบาลนิวยอร์ก เคทลินคิดในใจ รอดตัวแล้ว

เ�อเริ่มนับถอยหลังวันที่จะสำเร็จการศึกษา



*



ทางเดินในอาคารมีขนาดกว้างขวางที่สุดเท่าที่เ�อเคยเห็น เ�อไม่คิดว่ามันจะเต็มได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แออัดไปด้วยเด็ก ๆ ที่เดินไหล่ชนกัน ทางเดินนี้ต้องมีเด็กหลายพันคนอย่างแน่นอน ฝูงชนที่เต็มไปด้วยใบหน้าแผ่ขยายออกไปดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด เสียงที่สะท้อนกับกำแพงในสถานที่แห่งนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เ�อต้องการใช้มือป้องหูของเ�อเพื่อให้เสียงเบาลง แต่มันไม่มีพื้นที่เพียงพอแม้แต่จะยกแขนของเ�อขึ้น เ�อรู้สึกอึดอัดเต็มที

เสียงระฆังดังขึ้น และผู้คนเริ่มเร่งฝีเท้า

มันสายแล้ว

เ�อมองดูหมายเลขห้องเรียนของเ�ออีกครั้งและพบว่าห้องของเ�อยังอยู่อีกไกล เ�อพยายามแทรกตัวผ่านฝูงชนนี้ไป แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้ หลังจากพยายามหลายครั้ง ในที่สุดเ�อเริ่มตระหนักได้ว่าเ�อต้องใช้ความรุนแรงสักหน่อย เ�อเริ่มใช้ข้อศอกดันและกระแทกกลับ และแล้วเ�อก็สามารถเดินผ่านเด็กเหล่านี้ที่อยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ เ�อผลักประตูอันหนักอึ้งไปยังห้องเรียนของเ�อ

เ�อตั้งสติกับสิ่งที่เ�อจะต้องเจอ เ�อเป็นนักเรียนใหม่ที่เข้าชั้นเรียนสาย ครูจะต้องดุเ�อแน่นอนที่รบกวนห้องเรียนอันเงียบสงบนี้ แต่เ�อต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เ�อจินตนาการเลย ห้องเรียนนี้ออกแบบมาสำหรับนักเรียน 30 คน แต่ในห้องมีนักเรียนประมาณ 50 คนที่อัดแน่นกันอยู่ เด็กบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ บางคนกำลังเดินไปมาและตะโกนด่าทอใส่กัน มันคือความโกลาหล

เสียงระฆังเข้าชั้นเรียนดังเมื่อห้านาทีที่ผ่านมา แต่คุณครูที่ผมเผ้าพะรุงพะรัง ใส่สูทยับยู่ยี่ ไม่มีแม้แต่ท่าทีที่จะเริ่มทำการสอน เขานั่งวางเท้าไว้บนโต๊ะ กำลังอ่านหนังสือ และไม่สนใจใครทั้งนั้น

เคทลินเดินไปหาเขาและวางบัตรประจำตัวใหม่ของเ�อบนโต๊ะ เ�อยืนอยู่ที่นั่นและรอให้เขาเงยหน้าขึ้น แต่เขาไม่ก็มอง

ในที่สุดเ�อก็เอ่ยออกไป

“ขอโทษนะคะ”

เขาวางหนังสือพิมพ์ลงอย่างไม่เต็มใจ

“ฉันชื่อ เคทลิน เพน ฉันเป็นนักเรียนใหม่ ฉันคิดว่าฉันคงต้องให้สิ่งนี้กับคุณ”

“ฉันแค่มาแทน” เขาตอบ และยกหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านต่อ

เ�อยืนอยู่ที่นั่น รู้สึกสับสน

“คือว่า” เ�อถาม “...คุณไม่ได้สอนชั้นเรียนนี้หรอ?”

“ครูของเ�อจะกลับมาวันจันทร์” เขาตอบกลับ “เขาจะจัดการเอง”

เมื่อรู้ตัวว่าการสนทนาจบลงแล้ว เคทลินจึงเอาบัตรประจำตัวของเ�อกลับมา

เ�อหันหลังกลับและมองไปในชั้นเรียน ความโกลาหลยังคงอยู่ แต่พอจะทำให้เ�อรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็ไม่มีใครจับตาดูเ�อ ไม่มีใครในห้องนี้สนใจเ�อเลย ไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นเ�อ

ในทางกลับกัน เมื่อมองไปยังห้องเรียนที่แออัด มันช่างชวนประสาทเสีย ดูเหมือนจะไม่มีที่นั่งเหลืออยู่แล้ว

เ�อสูดหายใจและถือสมุดบันทึกของเ�อไว้แน่น แล้วเดินไปตามช่องทางเดิน เ�อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเดินอยู่ระหว่างเด็กเกเรที่กำลังตะโกนใส่กัน เมื่อเ�อเดินไปถึงหลังห้อง ในที่สุดเ�อก็สามารถมองเห็นห้องเรียนทั้งหมดได้

ไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว

เ�อยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนคนโง่ และรู้สึกว่าเด็กคนอื่น ๆ เริ่มจะสังเกตเห็นเ�อ เ�อไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แน่นอนว่าเ�อไม่ต้องการที่จะยืนอยู่ตรงนั้นตลอดชั่วโมงการสอน และครูที่มาแทนดูเหมือนจะไม่สนใจเ�อเลย เ�อมองหาที่นั่งอีกครั้ง มองหาอย่างไร้ความหวัง

เ�อได้ยินเสียงคนหัวเราะจากทางเดินที่ห่างออกไปเล็กน้อย และแน่ใจว่าเสียงนั้นตรงมาที่เ�อ เ�อไม่ได้แต่งตัวเหมือนเด็กพวกนี้ และเ�อดูไม่เหมือนพวกเขา แก้มของเ�อเริ่มแดงจากการที่เ�อถูกจับตามอง

เ�อพร้อมที่จะเดินออกไปจากชั้นเรียน และอาจจะออกจากโรงเรียนแห่งนี้ แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“ตรงนี้”

เ�อหันกลับไป

เสียงดังมาจากแถวสุดท้ายริมหน้าต่าง เด็กผู้ชายตัวสูงยืนขึ้นจากโต๊ะของเขา

“มานั่งนี่สิ” เขาพูด “มาเถอะ”

ภายในห้องเรียนเงียบขึ้นเล็กน้อย เด็กคนอื่น ๆ กำลังรอดูว่าเ�อจะตอบกลับอย่างไร

เ�อเดินตรงไปที่เขา พยายามที่จะไม่มองดวงตากลมโตสีเขียวเป็นประกายของเขา แต่เ�อก็อดไม่ได้ที่จะมอง

เขาดูสง่างาม เขามีผิวสองสีที่เรียบเนียน เ�อไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นชาวผิวสี ชาวสเปน ชาวผิวขาวหรือผสม แต่เ�อไม่เคยเห็นผิวที่เรียบเนียนและอ่อนนุ่มเช่นนี้มาก่อน พร้อมด้วยแนวกรามที่ได้รูป ผมของเขาสั้นและสีน้ำตาล รูปร่างผอม มันมีบางอย่างเกี่ยวกับเขา บางอย่างที่ดูผิดที่ผิดทาง เขาดูเปราะบาง เขาคงจะเป็นพวกศิลปิน

มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่ถูกผู้ชายจีบ เ�อเคยเห็นเพื่อนของเ�อหลงรักใครคนหนึ่ง แต่เ�อก็ไม่เคยเข้าใจ จนกระทั่งตอนนี้

“แล้วเ�อจะนั่งที่ไหน?” เคทลินถาม

เ�อพยายามควบคุมน้ำเสียงของเ�อ แต่ก็ฟังดูไม่ค่อยปกตินัก เ�อหวังว่าเขาจะไม่รู้ว่าเ�อตื่นเต้นมากแค่ไหน

เขายิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันที่สมบูรณ์แบบ

“ตรงนี้ไง” เขาบอก และย้ายไปนั่งบนขอบ�รณีหน้าต่างบานใหญ่ ห่างออกไปไม่กี่ฟุต

เ�อมองไปที่เขา และเขามองกลับมา สายตาของพวกเขาไม่อาจละออกจากกัน เ�อบอกตัวเองให้มองไปทางอื่น แต่ก็ไม่สามารถทำได้

“ขอบใจนะ” เ�อพูดออกมา และรู้สึกโมโหตัวเองทันที

ขอบใจ? นั่นคือทั้งหมดที่ฉันพูดได้หรอ? ขอบใจเนี่ยนะ!?

“ทำถูกแล้ว บารัค!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น “ยกที่นั่งของนายให้กับสาวน้อยผิวขาวผู้แสนดี!”

เสียงหัวเราะตามมา และความวุ่นวายก็กลับมาอีกครั้ง ขณะนี้ทุกคนไม่ได้สนใจพวกเขาแล้ว

เคทลินเห็นเขาก้มหน้าอย่างเขินอาย

“บารัค?” เ�อถาม “นั่นคือชื่อของเ�อหรอ?”

“เปล่า” เขาตอบกลับหน้าแดง “นั่นคือชื่อที่พวกเขาเรียกฉัน พวกเขาคิดว่าฉันเหมือนโอบาม่า”

เ�อมองเขาใกล้ ๆ และสังเกตเห็นว่าเขาดูเหมือนจริง ๆ

“เพราะว่าฉันเป็นลูกครึ่งผิวดำกับผิวขาวและมีเชื้อสายเปอร์โตริโก”

“หรอ ฉันคิดว่านั่นเป็นคำชมนะ” เ�อบอก

“มันไม่ใช่ในแบบที่พวกเขาพูดออกมา” เขาตอบ

ในขณะที่เขานั่งอยู่บนขอบ�รณีหน้าต่าง เ�อสังเกตเห็นว่าความมั่นใจของเขาลดลง และเ�อสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นคนอ่อนไหว อ่อนแอ เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มของเด็กพวกนี้ นี่มันบ้าชัด ๆ แต่เ�อรู้สึกอยากปกป้องเขา

“ฉันชื่อ เคทลิน” เ�อพูด พร้อมยื่นมือของเ�อและมองไปที่ดวงตาของเขา

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ประหลาดใจและยิ้มกลับ

“โจนาห์” เขาตอบ

เขาจับมือของเ�อแน่น ความรู้สึกวูบวาบแผ่ไปตามแขนของเ�อ เ�อสัมผัสได้ถึงผิวอันเรียบเนียนของเขาที่กำลังห่อหุ้มมือของเ�อ เ�อรู้สึกเหมือนเ�อถูกหลอมละลายไปในตัวของเขา เขาจับมือของเ�อนานเกินไป และเ�อยิ้มตอบอย่างช่วยไม่ได้

*

ช่วงเวลาที่เหลือของช่วงเช้าไม่ค่อยมีอะไร และเคทลินรู้สึกหิวเมื่อเ�อมาถึงโรงอาหาร เ�อเปิดประตูบานคู่และต้องผงะกับห้องขนาดมหึมา เสียงดังเซ็งแซ่จากเด็กที่ดูเหมือนจะมีหลายพันคน ทั้งหมดกำลังแผดเสียง บรรยากาศเหมือนกำลังเข้าไปในโรงยิม เพียงแต่ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ทุกยี่สิบฟุตในทางเดิน คอยเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง

เหมือนเช่นเคย เ�อไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน เ�อสำรวจห้องขนาดใหญ่นี้ และในที่สุดก็พบชั้นวางถาด เ�อหยิบมันขึ้นมา และเข้าไปยืนตรงที่เ�อคิดว่าเป็นแถวรออาหาร

“อย่ามาแซงฉัน ยัยโง่!”

เคทลินหันไปมองและพบกับเด็กผู้หญิงร่างใหญ่ น้ำหนักเกิน สูงกว่าเ�อครึ่งหนึ่ง ทำหน้าบึ้งใส่

“ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ ----”

“แถวอยู่ด้านหลังโน่น!” เด็กผู้หญิงอีกคนตะโกนออกมา พร้อมชี้นิ้วของเ�อ

เคทลินมองดูและพบว่าหางแถวยาวออกไป มีเด็กยืนอยู่อย่างน้อยร้อยคน ดูเหมือนว่าต้องรอประมาณยี่สิบนาที

เ�อเดินตรงไปที่ท้ายแถว เด็กที่อยู่ในแถวผลักเด็กอีกคน ทำให้เขาลอยมาข้างหน้าเ�อ และตกลงบนพื้นอย่างแรง

เด็กคนแรกกระโดดขึ้นคร่อมอีกคนและเริ่มชกลงที่ใบหน้าของเขา

โรงอาหารเต็มไปด้วยการส่งเสียงตะโกนจากความตื่นเต้น เด็กหลายสิบคนเข้ามามุง

“ต่อยเลย! ต่อยเลย!”

เคทลินถอยหลังออกมาหลายก้าว ยืนดูความน่ากลัวในเหตุการณ์รุนแรงที่อยู่เบื้องเท้าของเ�อ

ในที่สุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนก็เข้ามาห้ามปราม แยกเด็กสองคนออกจากกันและพาออกไป พวกเขาดูไม่รีบร้อนอะไร

หลังจากที่เคทลินได้รับอาหาร เ�อมองไปรอบห้อง หวังว่าจะเจอโจนาห์ แต่เ�อไม่เห็นเขาเลย

เ�อเดินลงไปตามทางเดิน ผ่านโต๊ะแล้วโต๊ะเล่า ทุกโต๊ะเต็มหมด มีที่นั่งว่างเพียงไม่กี่แห่ง และที่ว่างนั้นก็ดูไม่ค่อยน่านั่ง เพราะมันอยู่ติดกับกลุ่มเด็กขนาดใหญ่

ในที่สุดเ�อก็ได้นั่งที่โต๊ะว่างทางด้านหลัง มีเด็กนั่งอยู่อีกฝั่งเพียงคนเดียว เด็กผู้ชายชาวจีนดูขี้โรค ตัวเตี้ย สวมกำไลข้อมือ แต่งตัวมอมแมม ซึ่งกำลังก้มหน้าและสนใจแต่อาหารของเขา

เ�อรู้สึกโดดเดี่ยว เ�อก้มลงและมองดูโทรศัพท์มือถือของเ�อ มีข้อความในเฟซบุ๊กไม่กี่ข้อความจากเพื่อนของเ�อที่อยู่ในเมืองก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องการรู้ว่าเ�อชอบเมืองใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เ�อรู้สึกว่าไม่อยากตอบกลับ เพราะไม่ค่อยสนิทกับพวกเขา

เคทลินทานอาหารอย่างกล้ำกลืน ความรู้สึกชวนคลื่นไส้ในวันแรกยังคงเกิดขึ้นกับเ�อ เ�อพยายามคิดเรื่องอื่น เ�อหลับตาลง นึกถึงอพาร์ทเมนท์ใหม่ของเ�อ ห้องพักบนชั้นห้าในตึกสกปรกที่อยู่บนถนนหมายเลข 132 นั่นยิ่งทำให้อาการคลื่นไส้ของเ�อแย่เข้าไปอีก เ�อหายใจลึก ๆ ภาวนาให้ตัวเองมีสมา�ิกับบางอย่าง เรื่องราวดี ๆ ในชีวิตของเ�อ

น้องชายคนเล็กของเ�อ ชื่อแซม อายุ 14 ปี แต่ทำตัวเหมือนคนอายุ 20 แซมไม่คิดว่าเขาคือน้องชายคนเล็ก เขามักจะทำตัวเป็นพี่ชายคนโต เขาเติบโตขึ้นอย่างยากลำบากและไม่สนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว ตั้งแต่การจากไปของพ่อและการเลี้ยงดูของแม่ เ�อเห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้มีผลกับเขา เขาเริ่มปิดกั้นตัวเอง เรื่องทะเลาะวิวาทรายวันที่โรงเรียนของเขาไม่ได้ทำให้เ�อประหลาดใจ เ�อเพียงแต่กลัวว่ามันจะแย่ไปกว่านี้

แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเคทลิน แซมรักเ�อมาก และเ�อก็รักเขาเช่นกัน เขาคือที่ยึดเหนี่ยวเพียงสิ่งเดียวในชีวิตของเ�อ คนเดียวที่เ�อสามารถพึ่งพาได้ ดูเหมือนเขาจะยังคงเก็บความอ่อนโยนในโลกนี้ไว้สำหรับเ�อ เ�อแน่วแน่ที่จะทำให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องเขา

“เคทลิน?”

เ�อสะดุ้ง

เขากำลังยืนมองมาที่เ�อ มือข้างหนึ่งถือถาดและอีกข้างหนึ่งถือกระเป๋าไวโอลิน เขาคือโจนาห์

“จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าฉันจะขอนั่งด้วย?”

“ไม่ได้ --- ฉันหมายถึงไม่เป็นไรนั่งสิ” เ�อกล่าวอย่างลนลาน

ยัยโง่เอ๊ย เ�อกำลังคิด หยุดแสดงความประหม่าได้แล้ว

โจนาห์ยิ้มและนั่งลงตรงข้ามเ�อ เขานั่งตัวตรงด้วยท่าทางที่สมบูรณ์แบบ และวางไวโอลินไว้ข้างตัวอย่างระมัดระวัง เขาค่อย ๆ วางอาหารของเขาลงบนโต๊ะ มันมีบางอย่างเกี่ยวกับเขา บางอย่างที่เ�อไม่สามารถอ�ิบายได้ เขาแตกต่างจากทุกคนที่เ�อเคยพบ ดูเหมือนเขามาจากยุคที่แตกต่าง เขาไม่ใช่คนที่นี่อย่างแน่นอน

“วันแรกของเ�อเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เขาถาม

“ไม่ใช่อย่างที่ฉันหวังไว้”

“ฉันรู้ว่าเ�อหมายถึงอะไร” เขาตอบกลับ

“นั่นคือไวโอลินหรอ?”

เ�อพยักหน้าไปที่เครื่องดนตรีของเขา เขาเก็บมันไว้ใกล้ตัว และวางมือของเขาข้างหนึ่งไว้ด้านบน อย่างกับว่ากลัวใครจะมาขโมยไป

“ที่จริงมันคือไวโอล่า ขนาดใหญ่กว่าไวโอลีน แต่เสียงแตกต่างกันมาก เสียงของมันจะอ่อนหวานกว่า”

เ�อไม่เคยเห็นไวโอล่า หวังว่าเขาจะวางมันบนโต๊ะและโชว์ให้เ�อดู แต่เขาไม่ทำ และเ�อก็ไม่ต้องการสอดรู้สอดเห็น โจนาห์ยังคงวางมือไว้บนไวโอล่า ดูเหมือนเขากำลังปกป้องมัน อย่างกับของส่วนตัวที่เป็นความลับ

“เ�อฝึกบ่อยหรอ?”

โจนาห์ยักไหล่ “วันละไม่กี่ชั่วโมง” เขากล่าวอย่างเป็นกันเอง

“ไม่กี่ชั่วโมง!? เ�อต้องเก่งแน่ ๆ เลย!”

เขายักไหล่อีกครั้ง “ฉันคิดว่าพอใช้ได้นะ ยังมีคนอื่นที่เล่นดีกว่าฉัน แต่ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นใบผ่านทางให้ฉันออกจากสถานที่แห่งนี้”

“ฉันอยากเล่นเปียโนมาตลอด” เคทลินพูด

“แล้วทำไมไม่เล่นล่ะ?”

เ�อจะพูดว่า ฉันไม่มีเปียโน แต่เ�อห้ามตัวเองไว้ เ�อยักไหล่แทนและมองกลับไปที่อาหารของเ�อ

“เ�อไม่จำเป็นต้องมีเปียโน” โจนาห์พูดออกมา

เ�อเงยหน้าขึ้นมอง อย่างกับว่าเขาอ่านใจเ�อได้

“โรงเรียนนี้มีห้องซ้อมดนตรี ในบรรดาเรื่องเลวร้ายทั้งหมดของที่นี่ อย่างน้อยก็มีเรื่องดี ๆ แบบนี้อยู่บ้าง พวกเขาจะสอนให้เ�อฟรี สิ่งที่เ�อต้องทำคือการลงทะเบียน”

เคทลินเบิกตากว้าง

“จริงหรอ?”

“หน้าห้องดนตรีจะมีใบสมัครอยู่ ถามหาคุณนายเลนนอกซ์ บอกไปว่า เ�อคือเพื่อนของฉัน”

เพื่อน เคทลินชอบคำนี้ ความสุขค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจของเ�อ

เ�อยิ้มกว้าง ทั้งคู่สบตากันอยู่พักหนึ่ง

การมองไปที่ดวงตาสีเขียวอันเป็นประกายของเขา ทำให้เ�อรู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยความปรารถนาที่จะตั้งคำถามนับล้านกับเขา คุณมีแฟนหรือยัง? ทำไมคุณช่างเป็นคนดีอย่างนี้? คุณชอบฉันมั้ย?

แต่แทนที่จะทำอย่างนั้น เ�อกัดลิ้นตัวเองไว้ และนั่งเงียบแทน

เกรงว่าช่วงเวลานี้จะหมดลง เ�อเริ่มประมวลผลในสมองเพื่อถามบางอย่างกับเขา เผื่อว่ามันจะยืดระยะเวลาในการสนทนาออกไปได้ เ�อพยายามคิดอะไรบางอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าเ�อจะได้พบเขาอีกครั้ง แต่เ�อสับสนและตัวแข็งทื่อ

ในที่สุดเ�อก็ตัดสินใจได้ เมื่อเ�ออ้าปากกำลังจะพูด ระฆังก็ดังขึ้นทันที

ภายในห้องอึกทึกไปด้วยเสียงและการเคลื่อนไหว โจนาห์ลุกขึ้นและถือไวโอล่าของเขาไว้ในมือ

“ฉันสายแล้ว” เขาพูด พร้อมเก็บถาดอาหารของเขา

เขามองไปที่ถาดอาหารของเ�อ “ฉันเอาถาดของเ�อไปด้วยนะ?”

เ�อมองลงมา และตระหนักได้ว่าเ�อลืมมันไปแล้ว เ�อส่ายหน้า

“ตกลง” เขาพูด

เขายืนอยู่ตรงนั้น อยู่ ๆ เ�อก็รู้สึกเขินอาย ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร

“โอเค... งั้นไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”

“แล้วเจอกัน” เ�อตอบอย่างแผ่วเบา เสียงของเ�อดังกว่าเสียงกระซิบเล็กน้อย



*



วันแรกในโรงเรียนของเ�อสิ้นสุดลง เคทลินเดินออกจากอาคารสู่แสงอาทิตย์ภายนอก ยามบ่ายของเดือนมีนาคม แม้ว่าจะมีลมแรงพัดผ่านมา แต่เ�อก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป เด็ก ๆ รอบตัวเ�อที่กำลังส่งเสียงดังเอะอะ เ�อไม่ได้ใส่ใจกับเสียงที่น่ารำคาญนั่นอีกแล้ว เ�อรู้สึกมีชีวิตชีวาและอิสระ ส่วนที่เหลือของวันผ่านไปแบบเลือนลาง เ�อจำไม่ได้แม้แต่ชื่อครูคนใหม่ของเ�อ

เ�อไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับโจนาห์ได้

เ�อสงสัยว่าที่โรงอาหาร เ�อทำตัวเหมือนคนงี่เง่ารึเปล่า เ�อกลืนคำพูดของเ�อ เ�อเกือบจะถามเขาทุกคำถาม ทั้งหมดที่เ�อคิดได้ตอนนั้นคือคำถามเกี่ยวกับไวโอล่าโง่ ๆ นั่น เ�อควรจะถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เขามาจากที่ไหน เขาจะสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหน

เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าหากเขามีแฟนแล้วล่ะ คนอย่างเขาต้องคบกับใครสักคนอยู่แน่นอน

ในขณะนั้นเอง เด็กผู้หญิงเชื้อสายสเปนและโปรตุเกสที่แต่งตัวดีน่ารักเดินผ่านไป เคทลินมองเ�อตั้งแต่หัวจรดเท้า และสงสัยอยู่ชั่วครู่ว่าถ้านั่นเป็นเ�อล่ะ

เคทลินเดินไปยังถนนหมายเลข 134 ลืมว่าเ�อกำลังไปไหน เ�อไม่เคยเดินจากโรงเรียนกลับบ้านมาก่อน ตอนนี้เ�อมืดแปดด้านว่าอพาร์ทเมนท์ใหม่ของเ�ออยู่ที่ไหน เ�อยืนอยู่ที่นั่นตรงหัวมุม งุนงง เมฆเริ่มลอยมาปกคลุมพระอาทิตย์ ลมแรงเริ่มก่อตัว และเ�อก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอีกครั้ง

“เฮ้ สาวน้อย!”

เคทลินหันกลับไป และพบว่าเ�อกำลังยืนอยู่หน้าร้านขายของชำที่ดูซอมซ่อ ผู้ชายแต่งตัวโกโรโกโสสี่คนนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าร้าน เห็นได้ชัดว่ากำลังยิ้มแสยะอย่างเยือกเย็นมาที่เ�อ ราวกับว่าเ�อเป็นมื้ออาหารถัดไปของพวกเขา

“มานี่สิจ๊ะ ที่รัก!” ชายคนหนึ่งตะโกน

และเ�อก็จำได้

ใช่แล้ว ถนนหมายเลข 132

เ�อหันหลังกลับทันทีและเดินอย่างรวดเร็วไปยังถนนอีกฝั่ง เ�อหันหลังไปมองเป็นระยะว่าผู้ชายเหล่านั้นตามเ�อมาหรือไม่ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ตามมา

ลมหนาวที่ผัดผ่านแก้มของเ�อ กระตุ้นให้เ�อมีสติ ความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับที่พักของเ�อเริ่มถาโถมเข้ามา เ�อมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้เต็มไปด้วยรถที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ กำแพงลายกราฟฟิตี้ ลวดหนาม เหล็กดัดที่ติดอยู่บนหน้าต่างทุกบาน เ�อเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวในทันที และหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

อีกเพียง 3 ช่วงตึกก็จะถึงอพาร์ทเมนท์ของเ�อ แต่ดูเหมือนมันยาวนานเหลือเกิน เ�อหวังว่าเ�อจะมีเพื่อนเดินเคียงข้าง หากเป็นโจนาห์ก็คงจะดี เ�อกำลังสงสัยว่าเ�อจะสามารถเดินคนเดียวแบบนี้ได้ทุกวันหรือไม่ เ�อเริ่มรู้สึกโกร�แม่ของเ�อ ทำไมต้องย้ายที่อยู่ให้เ�อ ผลักไสให้เ�อไปที่ใหม่ที่เ�อไม่ชอบได้อย่างไร? เมื่อไรมันจะจบ?

เสียงแก้วแตกดังขึ้น

หัวใจของเคทลินเต้นรัว เมื่อเ�อมองเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างด้านซ้าย อีกฝั่งของถนน เ�อเดินอย่างรวดเร็วและพยายามก้อตัวให้ต่ำลง แต่เมื่อเ�อยิ่งเข้าใกล้ เ�อได้ยินเสียงตะโกนและเสียงหัวเราะแปลก ๆ และทำให้เ�อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

เด็กผู้ชายร่างใหญ่ 4 คน น่าจะอายุ 18 หรือ 19 ปี ยืนอยู่เหนือเด็กผู้ชายคนหนึ่ง โดยมีเด็กสองคนกำลังตรึงแขนของเขาเอาไว้ และคนที่สามชกเข้าไปที่ท้องของเขา เด็กคนที่สี่เดินเข้าไปและชกที่ใบหน้า เด็กที่โดนทำร้ายน่าจะอายุประมาณ 17 ปี รูปร่างสูง ผอม และไร้ซึ่งทักษะป้องกันตัว เขาล้มลงกับพื้น เด็กผู้ชายสองคนตรงเข้าไป และเตะใบหน้าของเขา

เคทลินหยุดเดินและมองดู เ�อรู้สึกหวาดกลัว เ�อไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน

เด็กอีกสองคนเดินไปรอบ ๆ เหยื่อ พวกเขายกเท้าขึ้นสูงและกระทืบลงมา

เคทลินกลัวว่าพวกเขาจะเตะเด็กคนนั้นจนเสียชีวิต

“อย่า!” เ�อร้องออกมา

เสียงบดละเอียดที่น่ากลัวดังขึ้นบนสิ่งที่พวกเขาวางเท้าลงไป

แต่มันไม่เหมือนกับเสียงกระดูกหัก คล้ายเสียงของไม้ ไม้ที่ถูกบดละเอียด เคทลินมองเห็นว่าเด็กพวกนั้นกำลังย่ำเท้าลงบนเครื่องดนตรีขนาดเล็ก เ�อมองเข้าไปใกล้ ๆ และเห็นเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของไวโอล่ากระจายอยู่ทั่วทางเดิน

เ�อยกมือขึ้นป้องปากด้วยความตกใจ

“โจนาห์!?”

เคทลินข้ามถนนอย่างไม่ต้องคิด ตรงไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายที่เริ่มจะสังเกตเห็นเ�อ พวกเขามองมาที่เ�อ รอยยิ้มอันชั่วร้ายปริออกในมาขณะที่พวกเขาใช้ศอกสะกิดเพื่อน

เ�อเดินเข้าไปยังเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและเห็นว่าเขาคือโจนาห์จริง ๆ ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยเลือด มีแต่แผลฟกช้ำ และเขาไม่ได้สติ

เ�อมองกลับมาที่กลุ่มเด็กพวกนั้น ความโกร�ของเ�อเอาชนะความหวาดกลัว เ�อยืนอยู่ระหว่างโจนาห์และพวกเขา

“อย่ามายุ่งกับเขา!” เ�อตะโกนใส่กลุ่มเด็ก

เด็กที่ยืนอยู่ตรงกลาง สูงอย่างน้อย 6 ฟุต 4 นิ้ว ร่างกายกำยำ หัวเราะกลับมา

“ถ้าไม่ล่ะ?” เขาถามกลับ ด้วยน้ำเสียงที่กวนประสาท

เคทลินรู้สึกเหมือนโลกกำลังวิ่งเข้ามาหาเ�อ และรู้ตัวอีกทีเมื่อถูกผลักอย่างแรงจากด้านหลัง เ�อยกศอกขึ้นเมื่อล้มลงกระแทกคอนกรีต แต่มันแทบจะไม่ช่วยบรรเทาแรงกระแทก สายตาของเ�อมองไปยังสมุดบันทึกที่กระเด็นออกมา กระดาษกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่

เ�อได้ยินเสียงหัวเราะ และเสียงฝีเท้านั้นกำลังมุ่งมาที่เ�อ

หัวใจของเ�อเต้นรัว อะดรีนารีนสูบฉีด เ�อกลิ้งตัวและชิงจังหวะยืนขึ้นก่อนที่พวกเขาจะถึงตัวเ�อ เ�อออกตัววิ่งไปยังตรอก วิ่งโดยไม่คิดชีวิต

พวกมันตามหลังมาติด ๆ

หนึ่งในโรงเรียนหลาย ๆ แห่งของเ�อ เคทลินเคยคิดว่าเ�อจะมีอนาคตอันยาวไกลที่ไหนสักแห่ง เ�อเลือกที่จะวิ่ง และเ�อตระหนักได้ว่าเ�อเก่งด้านนี้ เก่งที่สุดในทีม มันไม่ใช่การวิ่งระยะไกล แต่มันคือการวิ่งแข่งในระยะ 100 หลา เ�อสามารถวิ่งเร็วกว่าพวกผู้ชาย และตอนนี้ การวิ่งก็ผุดเข้ามาในหัวของเ�อ

เ�อวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต และพวกผู้ชายก็จะไม่สามารถจับเ�อได้

เคทลินชำเลืองมองกลับไปเพื่อดูว่าพวกมันอยู่ไกลแค่ไหนแล้ว เ�อรู้ดีว่าเ�อสามารถหนีพวกนั้นได้ เพียงแต่เ�อต้องเลี้ยวไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง

ตรอกนี้สิ้นสุดที่สามแยก เ�อสามารถเลี้ยวไปได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เ�อไม่มีเวลาพอที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจ ถ้าเ�อต้องการรักษาระยะห่างของเ�อเอาไว้ เ�อต้องเลือกอย่างรวดเร็ว เ�อไม่ทันมองสิ่งที่ยู่ตรงหัวมุม แล้วเ�อก็ตัดสินใจเลี้ยวซ้าย

เ�อภาวนาขอให้มันเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง เถอะน่า ได้โปรด!

หัวใจของเ�อเกือบหยุดเต้นเมื่อเ�อเลี้ยวซ้ายและพบว่าข้างหน้านั้นเป็นทางตัน

เ�อเลือกทางผิด

นี่มันทางตัน เ�อพยายามมองรอบกำแพง มองหาทางออก ทางออกอะไรก็ได้ แต่ก็ไม่มีเลย เ�อหันกลับมา เพื่อเผชิญหน้ากับพวกที่จะมาทำร้ายเ�อ

เ�อหมดแรง เ�อมองพวกมันเลี้ยวผ่านหัวมุมและใกล้เข้ามา เ�อมองเห็นผ่านไหล่ของพวกมันไปยังฝั่งตรงข้าม ถ้าเ�อเลี้ยวขวา ป่านนี้เ�อคงจะถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว คงเป็นเช่นนั้นหากโชคเข้าข้างเ�อ

“เอาล่ะ นังตัวดี” หนึ่งในพวกเขาพูด “แกจะต้องเจ็บตัวแน่”

เมื่อรู้ว่าเ�อไม่มีทางออก พวกมันเดินตรงมาที่เ�อช้า ๆ อย่างฮึกเหิม ยิ้มเยาะ และเริงร่ากับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น

เคทลินหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ เ�อพยายามจินตนาการว่าโจนาห์จะฟื้นขึ้นมาอย่างทรงพลัง ปรากฏตัวขึ้นตรงหัวมุม และพร้อมที่จะช่วยเหลือเ�อ แต่เมื่อเ�อลืมตา เ�อพบว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น มีเพียงผู้ที่จะทำร้ายเ�อ ซึ่งกำลังใกล้เข้ามา

เ�อคิดถึงแม่ของเ�อ เ�อนึกถึงความเกลียดที่มีต่อแม่ สถานที่ทุกแห่งที่เ�อถูกบังคับให้อาศัยอยู่ เ�อคิดถึงแซม น้องชายของเ�อ เ�อคิดว่าชีวิตของเ�อจะเป็นอย่างไรหลังจากวันนี้

เ�อทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตของเ�อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมไม่มีใครเข้าใจเ�อ ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เ�อต้องการ มีบางอย่างมาสะกิดใจเ�อว่าที่ผ่านมาเ�อได้รับมันมากเกินไปแล้ว

ฉันไม่ควรได้รับสิ่งนี้ ฉันไม่ควรได้รับสิ่งนี้!

ทันใดนั้นเอง เ�อรู้สึกถึงบางอย่าง

บางอย่างที่เหมือนคลื่น เ�อไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต มันคือคลื่นแห่งความเกรี้ยวกราดที่กำลังถาโถมเข้ามาสู่ตัวเ�อ สูบฉีดเลือดของเ�อ รวมจุดศูนย์กลางอยู่ที่ท้องของเ�อ และกระจายออกไป เ�อสามารถรับรู้ถึงฝีเท้าของเ�อที่หยั่งลงบนพื้น ราวกับว่าเ�อและคอนกรีตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นรู้สึกความแข็งแรงแบบป่าเถื่อนได้เข้าครอบงำเ�อ แผ่ไปตามข้อมือ ผ่านแขน และตรงไปยังหัวไหล่ของเ�อ

เคทลินปล่อยเสียงคำรามที่น่ากลัวออกมา แม้แต่ตัวเ�อเองก็รู้สึกเช่นนั้น เด็กคนแรกเดินเข้ามาและใช้มืออ้วน ๆ ของเขาจับที่ข้อมือของเ�อ เ�อมองดูมือของเ�อตอบสนองด้วยตัวของมันเอง มือของเ�อจับไปที่ข้อมือของผู้ที่จะมาทำร้ายเ�อและบิดกลับไปด้านหลังด้วยองศาที่ถูกต้อง สีหน้าของเด็กคนนั้นบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ ข้อมือและแขนของเขาถูกหักออกเป็นสองท่อน

เขาคุกเข่าลงบนพื้นแล้วกรีดร้อง

ดวงตาของเด็กอีกสามคนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

เด็กที่ตัวโตที่สุดในบรรดาสามคนนั้นพุ่งตรงมาที่เ�อ

“แก ไอ้----”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เ�อกระโดดขึ้นไปในอากาศและวางเท้าทั้งสองของเ�ออย่างพอดีลงบนหน้าอกของเขา ทำให้เขาลอยกระเด็นไปประมาณสิบฟุตและชนเข้ากับถังขยะโลหะ

เขานอนแน่นิ่ง ไม่ขยับ

เด็กอีกสองคนมองหน้ากัน รู้สึกตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

เคทลินก้าวไปข้างหน้า รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเ�อ เ�อได้ยินเสียงตัวเองคำรามออกมาในขณะที่กำลังจับเด็กสองคนที่เหลือ (แต่ละคนมีขนาดตัวใหญ่กว่าเ�อสองเท่า) แล้วยกแต่ละคนลอยขึ้นเหนือพื้นหลายฟุตด้วยมือเพียงข้างเดียว

พวกเขาถูกแขวนลอยอยู่กลางอากาศ เ�อเหวี่ยงพวกเขาไปมา และเหวี่ยงมาชนกันด้วยแรงที่เหลือเชื่อ เด็กทั้งคู่สลบลงบนพื้น

เคทลินยืนอยู่ที่นั่น สูดลมหายใจ ครุกรุ่นด้วยความเกรี้ยวกราด

ตอนนี้เด็กผู้ชายทั้งสี่คนไม่เคลื่อนไหว

เ�อไม่รู้สึกโล่งใจ ตรงกันข้าม เ�อกลับต้องการมากกว่านี้ เ�อต้องการต่อสู้ และต้องการโยนร่างของพวกเขาอีก

นอกจากนี้เ�อยังต้องการบางสิ่งบางอย่าง

ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเ�อก็สามารถมองเห็นภาพได้ทะลุปรุโปร่ง เ�อมองเข้าไปยังคอของพวกเขา เ�อสามารถมองลึกลงไป เ�อมองเห็นได้จากจุดที่เ�อยืนอยู่ เส้นเลือดเหล่านั้นกำลังสูบฉีด เ�อปรารถนาที่จะกัดมันเพื่อดื่ม

เ�อไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเ�อ เ�อเงยหน้าขึ้นและปล่อยเสียงร้องที่น่าประหลาด สะท้อนไปทั่วตึกและตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ มันคือเสียงร้องแห่งชัยชนะของสัตว์ป่า และความเกรี้ยวกราดที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย

มันคือเสียงกรีดร้องของสัตว์ที่ยังคงกระหาย




аёљаё—аё—аёµа№€аёЄаё­аё‡


เคทลินยืนอยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ใหม่ของเ�อ จ้องมองไปที่ประตู และรับรู้ได้ทันทีว่าเ�ออยู่ที่ไหน เ�อไม่รู้ว่าเ�อมาที่นี่ได้อย่างไร สิ่งสุดท้ายที่เ�อจำได้คือเ�ออยู่ในตรอกนั้น จะด้วยวิ�ีใดก็ตาม อย่างน้อยเ�อก็สามารถพาตัวเองกลับมาบ้านได้

เ�อจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในตรอกได้ทุกวินาที เ�อพยายามลบมันออกจากหัวของเ�อ แต่ไม่สามารถทำได้ เ�อมองลงมาที่แขนและมือของเ�อ คิดว่าจะเห็นมันแตกต่างจากที่เคย แต่มันดูปกติ อย่างที่ควรจะเป็น ความโกร�เกรี้ยวครอบงำเ�อ เปลี่ยนแปลงร่างกายของเ�อ แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

แต่ผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นคงอยู่ เ�อรู้สึกโหวงเหวง มึนงง และยังมีอีกความรู้สึกที่เ�อเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร ภาพนั้นลอยเข้ามาในจิตใจของเ�อ ภาพที่เผยให้เห็นต้นคอของคนที่มารังแกเ�อ ภาพชีพจรของพวกเขา และเ�อรู้สึกหิวกระหาย เกิดความปรารถนาอย่างรุนแรง

เคทลินไม่อยากกลับบ้าน เ�อไม่อยากเจอแม่ของเ�อ โดยเฉพาะวันนี้ เ�อไม่ต้องรับมือกับบ้านใหม่ การจัดข้าวของ ถ้าไม่ใช่เพราะแซมอยู่ที่นั่น เ�ออาจจะหันหลังกลับและเดินจากไป แม้ไม่รู้ว่าจะที่ไหน แต่อย่างน้อยเ�อก็อยากเดินออกไป

เ�อหายใจเข้าลึก ๆ และปล่อยออกมา วางมือของเ�อบนลูกบิด ไม่รู้ว่าลูกบิดนั้นอุ่นหรือมือของเ�อเย็นราวกับน้ำแข็ง

เคทลินเข้ามาในอพาร์ทเมนท์ที่ดูสว่างเกินไป เ�อได้กลิ่นอาหารจากเตาอบ หรืออาจจะเป็นไมโครเวฟ แซมมักกลับมาบ้านก่อนเ�อเสมอและทำอาหารเย็นด้วยตัวเขาเอง แม่ของเ�อจะไม่อยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายชั่วโมง

“ดูเหมือนวันแรกจะไม่ค่อยดี”

เคทลินหันกลับมา และตกใจกับเสียงของแม่ เ�อนั่งอยู่ตรงนั้น บนเก้าอี้ กำลังสูบบุหรี่ และมองเ�อด้วยสายตารังเกียจ

“อะไรกัน นี่แกทำเสื้อกันหนาวขาดแล้วหรอ?”

เคทลินมองลงมาและเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคราบสกปรกติดอยู่ อาจเกิดขึ้นตอนชนกับซีเมนต์

“ทำไมแม่กลับบ้านเร็ว?” เคทลินถาม

“วันแรกของฉันเหมือนกัน แกรู้มั้ย” เ�อตะคอกออกมา “ไม่ใช่แกคนเดียว ที่ทำงานมีงานน้อย หัวหน้าเลยให้ฉันกลับบ้านเร็ว”

เคทลินไม่สามารถทนต่อน้ำเสียงที่น่ารังเกียจของแม่ แม่ของเ�อมักหยาบคายกับเ�อเสมอ และคืนนี้ เคทลินไม่อยากทน เ�อตัดสินใจที่จะให้แม่เ�อลิ้มรสยาของเ�อบ้าง

“เยี่ยม” เคทลินตะโกนกลับมา “นี่หมายความว่าเราต้องย้ายบ้านอีกแล้วใช่มั้ย?”

แม่ของเ�อลุกขึ้นยืนทันที “นี่แก ระวังปากของแกหน่อยนะ!” เ�อกรีดร้องออกมา

เคทลินรู้ว่าแม่ของเ�อกำลังรอที่จะหาข้ออ้างด่าทอเ�อ เ�อคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าหลอกล่อเ�อและปล่อยให้เ�อทำอย่างที่ต้องการ

“แม่ไม่ควรสูบบุหรี่ใกล้ ๆ แซม” เคทลินตอบอย่างเย็นชา แล้วเดินเข้าห้องนอนเล็ก ๆ ของเ�อ ปิดประตูเสียงดังและล็อกมัน

ทันใดนั้นเอง แม่ของเ�อทุบประตู

“แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เด็กบ้า! นั่นคือวิ�ีที่แกพูดกับแม่ของตัวเองหรอ!? ใครเป็นคนวางขนมปังบนโต๊ะของแก...”

คืนนี้ เคทลินรู้สึกว้าวุ่นใจ แทนที่จะรู้สึกโมโหกับน้ำเสียงของแม่ เ�อกลับนึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ เสียงหัวเราะของเด็กพวกนั้น เสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่ดังอยู่ในหูของเ�อ และเสียงคำรามของเ�อ

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เ�อได้รับความแข็งแกร่งแบบนั้นได้อย่างไร? มันเป็นเพียงการสูบฉีดของอะดรีนารีนหรือเปล่า? ใจนึงเ�อก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น แต่อีกใจนึงเ�อรู้ดีว่ามันไม่ใช่ แล้วเ�อเป็นอะไร?

เสียงทุบประตูห้องของเ�อยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เคทลินแทบจะไม่ได้ยินมัน โทรศัพท์ของเ�อวางอยู่บนโต๊ะ กำลังสั่นไม่หยุด หน้าจอขึ้นข้อความสนทนา อีเมล แชท เฟซบุ๊ก แต่เ�อก็แทบจะไม่ได้ยินมันเช่นกัน

เ�อยกหน้าต่างบานเล็กขึ้นและมองลงไปที่มุมของถนนอัมสเตอร์ดัม เสียงใหม่ที่ผ่อนคลายผุดขึ้นในใจของเ�อ มันคือเสียงของโจนาห์ ภาพรอยยิ้มของเขา น้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม สุขุมและไพเราะ เ�อนึกถึงความละเอียดอ่อนของเขา เขาช่างเป็นคนบอบบาง แล้วเ�อก็เห็นภาพเขานอนอยู่บนพื้น เต็มไปด้วยเลือด เครื่องดนตรีชิ้นสำคัญของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ คลื่นแห่งความโกร�เกรี้ยวครั้งใหม่พัดเข้ามาอีกครั้ง

ความโกร�ของเ�อกลายเป็นความกังวล เ�อกังวลว่าเขาปลอดภัยหรือไม่ ถ้าเขาเดินหนีไป ถ้าเขาสามารถกลับบ้านได้ เ�อจินตนาการว่าเขากำลังเรียกเ�อ เคทลิน เคทลิน

“เคทลิน?”

เสียงใหม่จากนอกประตูห้องดังขึ้นมา เสียงของเด็กผู้ชาย

เ�อรู้สึกสับสน พยายามตั้งสติ

“นี่แซมเอง ให้ฉันเข้าไปหน่อย”

เ�อเดินไปและพิงศีรษะลงบนประตู

“แม่ไปแล้ว” เสียงจากอีกด้านของประตูพูด “ลงไปซื้อบุหรี่ ให้ฉันเข้าไปหน่อยนะ”

а№Ђаё?аё­а№Ђаё›аёґаё”аё›аёЈаё°аё•аё№

แซมยืนอยู่ที่นั่น จ้องมองเ�อ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขาอายุเพียง 15 แต่เขาดูแก่กว่าอายุ เขาโตเร็ว สูงเกือบหกฟุต แต่ยังเป็นเด็กอยู่ เขาเป็นคนแปลกและงุ่มง่าม เขามีผมสีดำและดวงตาสีน้ำตาลของเขานั้นคล้ายกับของเ�อ พวกเขาดูเหมือนกันมาก เ�อมองเห็นความกังวลบนใบหน้าของเขา เขารักเ�อมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด

เ�อให้เขาเข้ามาในห้องและปิดประตูอย่างรวดเร็ว

“โทษที” เ�อกล่าว “คืนนี้ฉันแค่ทนแม่ไม่ได้”

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเ�อทั้งสองคน?”

“เรื่องปกติ แม่เริ่มหาเรื่องฉันตั้งแต่วินาทีที่ฉันเข้ามา”

“ฉันคิดว่าแม่คงเจอเรื่องหนักมาทั้งวัน” แซมพูด พยายามผูกมิตรระหว่างพวกเขาเช่นทุกครั้ง “ฉันหวังว่าเขาจะไม่ไล่แม่ออกอีก”

“ใครสนล่ะ? นิวยอร์ก อริโซน่า เท็กซัส...ใครสนว่าต่อไปจะเป็นที่ไหน? การย้ายบ้านของพวกเราไม่มีทางสิ้นสุดหรอก”

แซมขมวดคิ้ว เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของเ�อ ทำให้เ�อรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที บางครั้งเ�อเองก็มีน้ำเสียงหยาบกระด้าง พูดออกไปโดยไม่ทันคิด เ�อหวังว่าจะปรับบรรยากาศให้ดีขึ้น

“วันแรกของเ�อเป็นยังไงบ้าง?” เคทลินถาม พยายามเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

เขายักไหล่ “ก็ดี ฉันคิดว่างั้นนะ” เขาวางเท้าลงบนเก้าอี้

เขาเงยหน้าขึ้น “แล้วพี่ล่ะ?”

เ�อยักไหล่ การแสดงออกของเ�อต้องมีอะไรบางอย่าง เพราะแซมยังคงจ้องอยู่ เขามองเ�อไม่ละสายตา

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร” เ�อพูดป้องกันตัว หันหลังและเดินไปที่หน้าต่าง

เ�อรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองเ�ออยู่

“พี่ดู...แปลกไปนะ”

เ�อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองอย่างไร้จุดหมาย ผู้ชายที่อยู่ด้านนอกร้านขายของชำตรงหัวมุมกำลังยื่นถุงให้คนซื้อ

“ยังไงหรอ?”

а№Ђаё‡аёµаёўаёљ

“ฉันก็ไม่รู้หรอก” ในที่สุดเขาก็ตอบออกมา

เ�อหยุดชะงัก สงสัยว่าเขารู้หรือไม่ สงสัยว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเ�อมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า เ�อกลืนน้ำลาย

“ฉันเกลียดที่ใหม่นี่” เขาพูด

เ�อหันกลับไปและมองเขา

“ฉันก็ไม่ชอบ”

“ฉันเคยคิดที่จะ...” เขาลดหัวต่ำลง “...หนีออกไป”

“เ�อหมายความว่ายังไง?”

เขายักไหล่ให้

เ�อมองหน้าเขา เขาดูเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

“ไปที่ไหน?” เ�อถาม

“บางที...อาจจะตามพ่อไป”

“ยังไงล่ะ? เราไม่รู้เลยว่าพ่ออยู่ไหน”

“ฉันควรลอง ฉันสามารถหาเขาได้”

“ทำยังไง?”

“ฉันไม่รู้...แต่ฉันจะลอง”

“แซม เท่าที่เรารู้เขาอาจตายไปแล้วก็ได้”

“อย่าพูดแบบนั้นนะ!” เขาโพล่งออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

“ขอโทษ” เ�อพูด

เขาสงบลง

“แต่เ�อเคยคิดบ้างมั้ยว่าถ้าเราเจอพ่อ พ่ออาจจะไม่ต้องการเราก็ได้ พ่อทิ้งพวกเราไป และไม่เคยคิดติดต่อกลับมาเลย”

“อาจเป็นเพราะแม่ไม่ต้องการให้พ่อกลับมา”

“หรือบางทีพ่อเพียงแค่ไม่ต้องการเรา”

แซมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในขณะที่แตะเท้าลงบนพื้น “ฉันตามหาเขาบนเฟซบุ๊ก”

ดวงตาของเคทลินเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“เ�อเจอเขามั้ย?”

“ฉันไม่แน่ใจ คนที่ชื่อเหมือนพ่อมีอยู่คน 4 ในจำนวนนั้นมี 2 คนที่ตั้งเป็นส่วนตัวและไม่มีรูป ฉันส่งข้อความไปหาทั้งคู่”

“แล้ว?”

а№Ѓаё‹аёЎаёЄа№€аёІаёўаё«аё±аё§

“ฉันไม่ได้รับการติดต่อกลับมาเลย”

“พ่อไม่น่าจะเล่นเฟซบุ๊ก”

“พี่รู้ได้ไง” เขาตอบแย้งอีกครั้ง

เคทลินถอนหายใจ เดินไปที่เตียงของเ�อและเอนตัวลงนอน เ�อมองไปที่เพดานสีเหลืองที่กำลังลอก และสงสัยว่าพวกเขาขึ้นไปทาสีบนนั้นได้อย่างไร เ�อนึกถึงเมืองที่พวกเขาเคยอยู่กันอย่างมีความสุข ดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่แม่ของเ�อมีความสุขที่สุด ช่วงที่แม่กำลังคบกับผู้ชายคนนั้น อย่างน้อยเ�อก็มีความสุขเพียงพอที่จะทิ้งเคทลินไว้เพียงลำพัง

เมืองที่เหมือนกับเมืองก่อนหน้านี้ ทั้งเ�อและแซมสามารถสร้างเพื่อนที่ดีได้ ที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะปักหลักอยู่จริง ๆ อย่างน้อยก็นานพอที่จะสำเร็จการศึกษา และหลังจากนั้นทุกอย่างดูเหมือนจะรวดเร็วไปหมด เ�อต้องเก็บของอีกครั้ง กล่าวคำอำลา การมีชีวิตวัยเด็กเหมือนคนอื่นมันยากนักหรือ?

“ฉันควรย้ายกลับไปโอ๊กวิลล์” จู่ ๆ แซมก็พูดขึ้นมา เ�อหยุดความคิดเกี่ยวกับเมืองที่แล้วของเ�อ มันน่าแปลกที่เขามักจะรู้ว่าเ�อกำลังคิดอะไรอยู่ “ฉันสามารถอยู่กับเพื่อนได้”

วันนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นกับเ�อ มันหนักมากเกินไป เ�อคิดอะไรไม่ออก และในความสิ้นหวังนี้ สิ่งที่เ�อได้ยินคือแซมพร้อมที่จะทิ้งเ�อไปเช่นกัน เหมือนเขาไม่สนใจเ�ออีกต่อไปแล้ว

“ก็ไปสิ!” เ�อตะคอกออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าใครคนอื่นพูดมันออกมา เ�อได้ยินถึงความโกร�ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเ�อ และเ�อรู้สึกเสียใจ

ทำไมเ�อพูดแบบนั้นออกมา? ทำไมเ�อไม่สามารถควบคุมตัวเองได้?

ถ้าเ�ออยู่ในโหมดที่อารมณ์ดีกว่านี้ ถ้าเ�อใจเย็นกว่านี้และไม่ได้มีเรื่องราวมากมายถาโถมเข้ามา เ�อคงจะไม่พูดแบบนี้ออกไป หรือเ�ออาจจะพูดได้นุ่มนวลกว่านี้ เช่น ฉันรู้ว่าเ�อต้องการจะพูดอะไร เ�อไม่เคยอยากออกไปจากที่นี่ ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน เพราะเ�อไม่สามารถทิ้งฉันไว้เพียงลำพัง ไม่สามารถปล่อยให้ฉันเจอเรื่องพวกนี้คนเดียว ฉันรักเ�อและฉันจะไม่ทิ้งเ�อไปเช่นกัน ชีวิตวัยเด็กที่วุ่นวายของพวกเรา อย่างน้อยเราก็มีกันและกัน ซึ่งเ�อน่าจะพูดแบบนี้ออกไปแทน อารมณ์ของเ�อทำให้เ�อรู้สึกแย่ มันทำให้เ�อแสดงความเห็นแก่ตัว และตะคอกออกไป

เ�อลุกขึ้นนั่งและมองเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา เ�ออยากถอนคำพูด เ�อต้องการบอกว่าเ�อเสียใจ ทุกอย่างเอ่อล้นอยู่ในจิตใจของเ�อ แต่เ�อไม่สามารถปริปากออกมาได้

ในความเงียบงัน แซมค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกจากห้องและปิดประตูอย่างแผ่วเบา

นังโง่ เ�อคิด ฉันมันโง่จริง ๆ ทำไมฉันต้องทำตัวแบบเดียวกับที่แม่ทำกับเขา?

เ�อล้มตัวลงนอน มองไปยังเพดาน เ�อตระหนักได้ว่ามันมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เ�อตะคอกออกมา เขารบกวนความคิดของเ�อ และอยู่ในช่วงที่พวกเขากำลังแย่ ความคิดอันมืดมนกำลังเข้ามาในใจของเ�อ และเขาตัดบทเ�อก่อนที่เ�อจะคิดออก

สามเมืองก่อนหน้านี้ ช่วงที่แม่ของเ�อดูเหมือนจะมีความสุข แฟนเก่าของแม่ชื่อ แฟรงค์ เขาอายุ 50 ปี รูปร่างเตี้ย อ้วน หัวล้าน ตัวหนาอย่างกับท่อนซุง กลิ่นเหมือนน้ำหอมราคาถูก ตอนนั้นเ�ออายุ 16 ปี

ในขณะที่เ�อยืนอยู่ในห้องซักรีดเล็ก ๆ กำลังพับเสื้อผ้าของเ�อ แฟรงค์ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เขาดูน่ากลัว เขามองมาที่เ�อ ก้มลงและหยิบชุดชั้นในของเ�อที่อยู่บนพื้น เ�อรู้สึกถึงความเขินอายและความโกร� เขาชูขึ้นและแสยะยิ้ม

“เ�อทำหล่น” เขาพูดและยิ้ม เ�อรีบคว้ามาจากมือของเขา

“คุณต้องการอะไร?” เ�อตะคอกกลับ

“นั่นคือวิ�ีพูดจากับพ่อเลี้ยงคนใหม่ของเ�อหรอ?”

เขาใกล้เข้ามาอีกครึ่งก้าว

“คุณไม่ใช่พ่อเลี้ยงของฉัน”

“แต่ฉันกำลังจะเป็น ---- เร็ว ๆ นี้”

เ�อพยายามกลับไปพับผ้าของเ�อต่อ แต่เขาก้าวเข้ามาอีก มันใกล้จนเกินไป หัวใจของเ�อกำลังเต้นแรงอยู่ในหน้าอกของเ�อ

“ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” เขาพูดพร้อมถอดเข็มขัดของเขาออก “เ�อว่าไง?”

เ�อรู้สึกหวาดกลัว พยายามจะแทรกตัวผ่านเขา เพื่อไปยังทางออกประตู แต่เมื่อเ�อทำเช่นนั้น เขาปิดทางเ�อ และจับเ�อผลักเข้ากับกำแพง

และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

ความเกรี้ยวกราดถาโถมเข้ามาหาเ�อ ความโกร�ในแบบที่เ�อไม่เคยพบมาก่อน เ�อรู้สึกว่าร่างกายของเ�อลุกเป็นไฟ ความร้อนแผ่จากเท้าของเ�อขึ้นไปสู่ศีรษะ เมื่อเขาใกล้เข้ามา เ�อกระโดดและใช้เท้าสองข้างเตะไปบนหน้าอกของเขา

แม้ว่าขนาดตัวของเขาจะใหญ่กว่า ขณะนี้เขากระเด็นไปด้านหลัง ชนกับบานประตู ผ่านประตู และยังคงลอยไปต่ออีกสิบฟุต เข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง ราวกับปืนใหญ่ที่ยิงเขาทะลุบ้าน

เคทลินยืนอยู่ตรงนั้น ตัวสั่นเทา เ�อไม่เคยเป็นคนที่รุนแรงมาก่อน เ�อไม่เคยต่อยใคร ที่สำคัญเ�อไม่ได้ตัวใหญ่หรือแข็งแรง เ�อรู้วิ�ีเตะเขาแบบนั้นได้อย่างไร? เ�อมีความแข็งแรงแบบนี้ได้อย่างไร? เ�อไม่เคยเห็นใครบินลอยกลางอากาศหรือทะลุประตู ความแข็งแรงของเ�อมาจากไหน?




Конец ознакомительного фрагмента.


Текст предоставлен ООО «ЛитРес».

Прочитайте эту книгу целиком, купив полную легальную версию (https://www.litres.ru/pages/biblio_book/?art=43698231) на ЛитРес.

Безопасно оплатить книгу можно банковской картой Visa, MasterCard, Maestro, со счета мобильного телефона, с платежного терминала, в салоне МТС или Связной, через PayPal, WebMoney, Яндекс.Деньги, QIWI Кошелек, бонусными картами или другим удобным Вам способом.



Если текст книги отсутствует, перейдите по ссылке

Возможные причины отсутствия книги:
1. Книга снята с продаж по просьбе правообладателя
2. Книга ещё не поступила в продажу и пока недоступна для чтения

Навигация